การนวดอโรม่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำหรับความผ่อนคลายที่หลายๆคนชื่นชอบทั้งหญิงและชายโดยไม่จำเป็นต้องมีอาการปวดเมื่อยหรือเจ็บปวดใดๆก็สามารถมานวดอโรม่าเพื่อการผ่อนคลายได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายๆคนที่ยังไม่ทราบว่าการนวดอโรม่าคืออะไร นวดได้ทุกคนหรือเปล่า เหมาะกับใครบ้าง และประโยชน์ของการนวดอโรม่าที่ไม่ได้มีแค่ความผ่อนคลาย จะมีอะไรบ้างมาดูกัน
นวดอโรม่า คืออะไร
การนวดอโรม่าคือการนวดเพื่อสุขภาพรูปแบบหนึ่งที่ใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยเข้ามาช่วยในการนวด มีกลิ่นหอมช่วยให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ มีแรงกดนวดที่เบา-ปานกลาง บรรเทาความเครียดได้เป็นอย่างดีและส่งผลดีต่ออารมณ์ ซึ่งน้ำมันหอมระเหยต้องเป็นน้ำมันที่สกัดจากพืชหรือดอกไม้เท่านั้น จะมีสรรพคุณแตกต่างกันไป เช่น ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต บรรเทาการปวดหัว
นวดอโรม่า เหมาะกับใครบ้าง?
การนวดอโรม่าเหมาะกับหนุ่มสาววัยทำงาน ผู้สูงอายุ หรือใครก็ตามที่อยากผ่อนคลายร่างกาย ความรู้สึกและอารมณ์ คลายกล้ามเนื้อและต้องการบำรุงผิวและเพิ่มความชุ่มชื่น จากสรรพคุณของน้ำมันหอมระเหย ไปจนถึงคนที่เริ่มปวดเมื่อยจากออฟฟิศซินโดรม และต้องการการนวดที่ไม่หนัก เบาสบาย และเป็นอีกทางเลือกของมือใหม่ที่ไม่เคยเข้าร้านนวดมาก่อนที่อาจจะกังวลการนวดที่หนักมือ
ประโยชน์ ของการ นวดอโรม่า ช่วยเรื่องอะไร
ประโยชน์ของการนวดอโรม่าเป็นการนวดเพื่อสุขภาพจะเน้นประโยชน์ในเรื่องการช่วยผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ คลายกล้ามเนื้อ คลายความเครียด นอนไม่หลับ ประโยชน์ของน้ำมันหอมระเหยนอกจากเรื่องกลิ่นหอมที่จะช่วยให้รู้สึกสงบ หลับสบาย หรือสดชื่น ผ่อนคลาย ลดกังวล ลดความเครียด มีสมาธิ ยังมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ บำรุงผิวพรรณเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวให้มีสุขภาพผิวที่ดี และน้ำมันนวดที่มีส่วนผสมจากสมุนไพรบางตัวก็มีฤทธิ์ด้านการอักเสบ บรรเทาการปวด ตึงและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
ข้อควรรู้ก่อนนวดอโรม่า
ก่อนจะตัดสินใจไปนวดนั้นเราควรรู้ความต้องการของตนเองเสียก่อนว่าต้องการนวดเพื่อการผ่อนคลายหรือรักษาหรือบำบัดอาการใดๆ เพราะการนวดอโรม่านั้นเป็นการนวดเพื่อผ่อนคลายและดูแลสุขภาพผิว ใช้น้ำหนักการนวดเบาสบาย มีสิ่งที่ควรรู้ก่อนนวดอโรม่าดังนี้
- รูปแบบของการนวดอโรม่า
การนวดนั้นมีอยู่หลายแบบ หากเป็นมือใหม่ที่ไม่เคยเข้าร้านนวดมาก่อน ต้องการผ่อนคลาย แนะนำให้เริ่มจากการนวดอโรม่าก่อนเพราะใช้น้ำหนักมือเบา-ปานกลาง เพราะมือใหม่อาจจะตกใจและเกิดทัศนคติที่ไม่ดีกับการนวดหากเจอการนวดที่ค่อนหนักทำให้ไม่รู้สึกผ่อนคลายในครั้งแรก รวมไปถึงผู้ที่เคยนวดทั่วๆไปก็จะชอบการนวดที่ไม่หนัก เน้นผ่อนคลาย - น้ำมันหอมระเหยที่ใช้นวด
การนวดอโรม่าจะมีการใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยสกัดจากธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ พืช ฉะนั้นหากต้องการที่จะนวดอโรม่า ผู้ที่มีอาการแพ้น้ำมันหอมระเหย เกสรดอกไม้ ดอกไม้ รวมไปถึงสารสกัดจากพืชบางชนิด อย่าลืมบอกอาการแพ้และสอบถามร้านนวดถึงประเภทของน้ำมันหอมระเหยและส่วนผสมที่ใช้ทุกครั้ง - เช็คโรคประจำตัวก่อนนวด
ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนคือ ผู้ป่วยโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันสูง โรคผิวหนัง โรคหลอดเลือด โรคมะเร็ง โรคกระดูกพรุน ผู้ใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือยาต้านเกล็ดเลือด รวมไปถึงผู้มีไข้สูงหรือมีแผลฟกช้ำ เพิ่งผ่านการผ่าตัดหรืออุบัติเหตุมา สตรีขณะมีประจำเดือน สตรีมีครรภ์ - นวดอโรม่าต้องถอดหมดไหม
สำหรับเรื่องเสื้อผ้านั้น ขึ้นอยู่กับการให้บริการของแต่ละร้านและความต้องการของผู้นวดเอง การนวดอโรม่านั้นต้องใช้น้ำมันหอมระเหยชโลมจำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าหมด แต่บางร้านก็เป็นการนวดเฉพาะส่วนทำให้ไม่ต้องถอดเสื้อผ้าหมด สำหรับใครที่รู้สึกเขินอายสามารถแจ้งกับผู้ให้บริการได้เช่นกัน
การดูแลตัวเองหลังจาก นวดอโรม่า
การนวดอโรม่านั้นจะมีกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย ร่างกายจะมีความร้อนขึ้นมานิดหน่อย หลังนวดเสร็จอย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอ แนะนำเป็นน้ำอุณหภูมิห้อง หรือดื่มน้ำสมุนไพรเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย หรือประคบร้อนด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นบริเวณที่อาจจะมีอาการปวดหรือฟกช้ำหลังจากนวด และอาจจะเว้นช่วงก่อนอาบน้ำหลังจากนวดแล้วประมาณสัก 1-2 ชม. เพื่อให้น้ำมันซึมซาบเข้าบำรุงผิวพรรณอย่างเต็มที่
น้ำมันหอมระเหย ที่ใช้นวดอโรม่า มีกลิ่นอะไรบ้าง
น้ำมันหอมระเหย (Essential oil) คือ น้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติจากส่วนต่างๆของพืช เช่น ผล ดอก ใบ เปลือก มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้สรรพคุณของแต่ละกลิ่นที่แตกต่างกันไป นำมาเจือจางผสมกับน้ำมันตัวพา (Carrier Oil) หรือน้ำมันเบส (Base Oil) ช่วยนำพาให้น้ำมันหอมระเหยเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ดีขึ้น ซึ่งหลักๆน้ำมันหอมระเหยจะมีกลิ่นและสรรพคุณที่หลากหลายดังนี้
- กลิ่นลาเวนเดอร์ (Lavender) เป็นกลิ่นยอดนิยม ช่วยผ่อนคลาย บรรเทาอาการปวดหัว ไมเกรน ภาวะซึมเศร้า เพิ่มสมาธิ ช่วยเรื่องนอนไม่หลับ
- กลิ่นกุหลาบ (Rose) ช่วยเรื่องสุขภาพผิว กระชับและรักษาผิว ลดริ้วรอย ลดความเครียดและความวิตกกังวล
- กลิ่นคาโมมายล์ (Chamomilla) ช่วยลดความเครียด ลดความวิตกกังวล ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
- กลิ่นเจอราเนียม (Geranium) ช่วยให้ผ่อนคลาย จิตใจสงบ สดอักเสบของผิว บดอาการคันที่เกิดจากการแพ้ ลดการเกิดสิว บรรเทาอาการโพรงจมูกอักเสบ
- กลิ่นดอกมะลิ (Jasmine) ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ ช่วยผ่อนคลายความเครียด นอนไม่หลับ
- กลิ่นกระดังงา (Ylang Ylang) เสริมสร้างสมาธิ ช่วยเรื่องการนอนหลับ ลดความตึงเครียด วิตกกังวล
- กลิ่นมะกรูด (Bergamot) ให้ความรู้สึกสดชื่น เย็นสบาย ลดความเครียด ช่วยปรับสมดุลของอารมณ์
- กลิ่นยูคาลิปตัส (Eucalyptus) ลดอาการคัดจมูก ช่วยให้หายใจสะดวก บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ กระตุ้นเซลล์ในร่างกาย
- กลิ่นเปปเปอร์มิ้นต์ (Peppermint) บรรเทาอาการคัดจมูก ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามข้อและกล้ามเนื้อ ช่วยให้สดชื่น กระปรี้กระเปร่า ตื่นตัว
- กลิ่นตะไคร้ (Lemongrass) บรรเทาอาการหลอดลมอักเสบ อาการหวัด อ่อนเพลีย เครียด ปวดศีรษะ
- กลิ่นโรสแมรี่ (Rosemary) ช่วยสร้างสมาธิ บรรเทาอาการปวดเมื่อยและความเหนื่อยล้า แก้สิว ผดผื่น เพิ่มความสดชื่น
วิธีการเลือกน้ำมันหอมระเหย
อย่างที่ทราบกันว่าน้ำมันที่ใช้นวดอโรม่านั้น จะมีส่วนผสมหลายอย่าง หลักๆคือ น้ำมันตัวพา (Carrier Oil) และน้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) เราจะมาสรุปวิธีเลือกง่ายๆ ซึ่งเราสามารถสอบถามถึงส่วนผสมพวกนี้ได้จากร้านนวด ได้ดังนี้
เลือกที่เหมาะกับการใช้งาน
สำหรับคนที่ต้องการคลายปวดเมื่อย หรือคลายกล้ามเนื้อที่ตึง ที่อาจเกิดจากจากใช้กล้ามเนื้อหนัก กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ให้เลือกน้ำมันนวดที่มีส่วนผสมของสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ บรรเทาปวดเมื่อย ฟกช้ำ คลายกล้ามเนื้อ ลดตึง ลดบวม เช่น ไพล ยอ อบเชย ขิง ขมิ้นชัน รวมถึงเปปเปอร์มิ้นต์ ยูคาลิปตัสและโรสแมรี่ ก็มีคุณสมบัติบรรเทาอาการอักเสบและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้
และสำหรับคนที่เน้นบำรุงผิวพรรณ ฟื้นฟู เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวเนียนมีสุขภาพดี ให้เลือกน้ำมันที่มีส่วนผสมของวิตามิน อี ซึ่งน้ำมันต่อไปนี้จะเป็นน้ำตัวพา (Carrier Oil) เช่น
- น้ำมันอาร์แกน (Argan) บำรุง พื้นฟู ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ
- น้ำมันโจโจ้บา (Jojoba) ช่วยลดเลือนริ้วรอย สมานแผล ลดการเกิดสิว เติมความชุ่มชื้น
- น้ำมันโรสฮิป (Rosehip) ช่วยฟื้นฟู ลดเลือนริ้วรอยและแผลเป็น ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- น้ำมันสวีตอัลมอนด์ (Sweet Almond) ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดความหยาบกร้าน
- น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil) เพิ่มความชุ่มชื้น บำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก ฟื้นฟูสภาพผิวแห้งและแตก ให้เนียนนุ่ม สว่างใสขึ้น
โดยสภาพผิวที่เหมาะสมกับน้ำมันแบบต่างๆมีดังนี้
- ผิวแห้ง : อาร์แกน, โจโจ้บา, โรสฮิป, สวีตอัลมอนด์, น้ำมันมะพร้าว
- ผิวผสม : โจโจ้บา, โรสฮิป
- ผิวมัน/เป็นสิว : อาร์แกน, โจโจ้บา, สวีตอัลมอนด์
- ผิวบอบบาง แพ้ง่าย : โจโจ้บา, สวีตอัลมอนด์
- ผิวมีริ้วรอย ต้องการบำรุง : อาร์แกน, โจโจ้บา, โรสฮิป, สวีตอัลมอนด์
เลือกกลิ่นของน้ำมันหอมระเหย
ควรหลีกเลี่ยงกลิ่นที่ฉุนเกินไป อาจทำให้เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หรือกระตุ้นให้เกิดไมเกรน กลิ่นที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย เช่น กลิ่นลาเวนเดอร์ คาโมมายล์ กุหลาบ ดอกมะลิ กระดังงา กลิ่นที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่น เช่น มะกรูด เปปเปอร์มิ้นต์ ยูคาลิปตัส เป็นต้น
เลือกน้ำมันนวดที่ปราศจากสารก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง
สำหรับผู้มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย อาจทำให้เกิดอาการคัน ผื่นแดง บวม เช่น น้ำหอม พาราเบน ซึ่งเป็นสารกันเสีย แอลกอฮอล์ สีสังเคราะห์ และแคมฟอร์หรือเมนทอล ซึ่งเป็นสารให้ความเย็น อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายตัวได้
เลือกน้ำมันนวดที่มีการขึ้นทะเบียน อย.
น้ำมันนวดทุกชนิดควรมีเลขที่จดทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนการเลือกซื้อน้ำมันนวดจึงควรเช็คเลขทะเบียน อย. จากฉลากบนผลิตภัณฑ์ ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นของ อย. เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและช่วยป้องกันการใช้ผลิตภัณฑ์ปลอมด้วย
นวดอโรม่า กับ นวดน้ำมัน ต่างกันอย่างไร
การนวดอโรม่ากับการนวดน้ำมัน สิ่งที่ทำให้การนวด 2 อย่างนี้ต่างกันคือ เรื่องของกลิ่นและสรรพคุณของน้ำมันนวด การนวดอโรม่าจะใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยซึ่งสกัดจากธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ พืช สมุนไพร มีกลิ่นหอม เป็นประโยชน์ต่อทั้งผิวหนัง ร่างกายและจิตใจ ส่วนการนวดน้ำมันหรือนวดออยล์ จะใช้น้ำมันที่ไร้สีไร้กลิ่น มีสรรพคุณช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
นวดอโรม่า ต่างกับนวดแบบอื่นอย่างไร
การนวดอโรม่าเป็นการนวดเพื่อเน้นผ่อนคลายและใช้น้ำมันหอมระเหยแตกต่างจากการนวดอื่นๆอย่างเช่น
- นวดไทย (Thai Massage) จะไม่มีการใช้น้ำมัน เป็นการนวดเพื่อสุขภาพและบำบัดรักษาและมีการลงน้ำหนักที่มากกว่า
- การนวดสวีดิช (Swedish Massage) มีการใช้น้ำมันเหมือนกัน แต่มีการลงน้ำหนักมือมากกว่า เป็นการนวดเน้นแก้อาการปวดเมื่อยและสร้างความผ่อนคลาย
- การนวดกดจุด (Deep Tissue Massage) จะนวดคล้ายกับการนวดสวีดิช แต่จะมีการน้ำหนักการนวดที่มากกว่า เพื่อให้ลงไปถึงกล้ามเนื้อส่วนลึก
- การนวดสปอร์ต (Sports Massage) จะเป็นการนวดกล้ามเนื้อส่วนลึกข้างใน ใช้น้ำหนักค่อนข้างแรง จำเป็นต้องได้รับการนวดจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง สามารถนวดได้ทั้งก่อน หลัง หรือระหว่างเล่นกีฬา โดยไม่ทำให้กล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บ
ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการนวดอโรม่า
นวดอโรม่ามีข้องดเว้นสำหรับคนบางกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดังนี้
- คนที่มีโรคประจำตัว โรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน เนื่องอาจเสี่ยงทำให้เกิดอาการกำเริบเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
- โรคผิวหนัง เพื่อป้องกันการติดต่อแพร่เชื้อเป็นอันตรายต่อผู้ให้บริการนวด
- โรคกระดูกพรุน หรือผู้ที่มีกระดูกบาง เสี่ยงต่อการกระดูกเปราะ หัก ทำให้บาดเจ็บสาหัสได้
- โรคมะเร็ง เพราะอาจทำให้เซลล์มะเร็งแพร่เชื้อลุกลามไปส่วนอื่นได้เร็วยิ่งขึ้น
- ผู้ใช้ยาละลายลิ่มเลือดและยาต้านเกล็ดเลือด จะเลือดออกง่ายและหยุดยาก เสี่ยงกับการเลือดออกใต้ผิวหนังเป็นอันตรายถึงชีวิต
- โรคหลอดเลือด จะมีลิ่มเลือดมีโอกาสที่จะทำให้ลิ่มเลือดไปอุดตัวปอดหรือสมองเสียชีวิตได้
- หลอดเลือดดำอักเสบ หรือเพิ่งมีแผลฟกช้ำจากอุบัติเหตุ เช่นเดียวกันกับโรคหลอดเลือดที่ลิ่มเลือดมีโอกาสไปอุดตันอวัยวะสำคัญได้
- ผู้มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส จะยิ่งทำให้เชื้อแพร่กระจายมีอาการหนักกว่าเดิม
- สตรีมีครรภ์และสตรีขณะมีประจำเดือน เพราะจะทำให้มีอันตรายกับเด็กทารกและสตรีมีประจำเดือนเสี่ยงมีเลือดออกมาก
- ผู้มีอาการแพ้น้ำมันหอมละเหย เกสรดอกไม้ ดอกไม้ หรือสารสกัดจากพืชบางชนิด ควรปรึกษาผู้ให้บริการ
ขั้นตอนการนวดอโรม่า
ก่อนนวดอโรม่านั้นควรรับประทานอาหารก่อนถึงเวลานวดอย่างน้อย 30 นาที เพราะการนวดอาจทำให้รู้สึกจุกเสียด คลื่นไส้ได้ ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะระหว่างการนวดความชื้นในร่างกายจะระเหยออกไป โดยมีขั้นตอนการนวดอโรม่าดังนี้
- การอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด
ควรอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดก่อนเข้ารับการนวดอโรม่า เพื่อให้น้ำมันหอมระเหยซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดี สามารถอาบน้ำจากที่พักก่อนเดินทางมานวดได้ หรือสอบถามจากทางร้านนวดว่ามีให้บริการห้องอาบน้ำหรือไม่ - ชโลมน้ำมันหอมระเหย
จะเริ่มมีการทาน้ำมันไปทั่วร่างกาย ช่วยปรับความรู้สึกให้ผ่อนคลาย สงบ บางร้านอาจมีการจุดเทียนหอมกลิ่นเดียวกันเพื่อสร้างบรรยากาศให้เหมาะสมกับการพักผ่อน - การนวดที่ส่วนต่างๆของร่างกาย
หลังจากทาน้ำมันแล้วก็จะเริ่มนวดอโรม่าส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น หลัง ขาหลัง ขาหน้า แขน หน้าอก ศีรษะ ใช้น้ำหนักมือที่พอดี ช่วยให้น้ำมันซึมเข้าสู่ผิวได้เต็มที่ อาจจะมีชโลมน้ำมันเพิ่มหากเริ่มรู้สึกแห้งในส่วนที่นวด หากรู้สึกปวดเมื่อยตรงไหนเป็นพิเศษสามารถแจ้งผู้นวดได้ - ทำความสะอาดร่างกาย
เมื่อนวดอโรม่าเสร็จแล้ว หากต้องการทำความสะอาด สามารถอาบน้ำทำความสะอาดชำระล้างความมันจากน้ำมันหอมระเหยที่หลงเหลืออยู่บนผิวและเดินทางกลับบ้านได้
นวดอโรม่า ราคาเท่าไหร่?
สำหรับราคานวดอโรม่า ที่ Authentic Wellness เรา เริ่มต้นที่ 700 บาท ตามระยะเวลาการนวด ดังนี้
- นวดอโรม่า 60 นาที ราคา 700 บาท
- นวดอโรม่า 90 นาที ราคา 1,000 บาท
- นวดอโรม่า 120 นาที ราคา 1,300 บาท
นวดอโรม่า ที่ไหนดี
ที่ Authentic Wellness เรามีความรู้ความเข้าใจศาสตร์ของการนวดเป็นอย่างดี นวดแก้อาการได้ถูกจุด มีประสบการณ์จากการทำงานนวดมากกว่า 15 ปี ทั้งในและต่างประเทศ มีความดูแลใส่ใจและเข้าใจความต้องการของลูกค้า โปรแกรมนวดที่หลากหลาย มีหมอนวดทั้งชายหญิง เพื่อความเป็นส่วนตัว
คำถามที่พบบ่อย
- กลิ่นอะไรที่ช่วยให้นอนหลับ
นอกจากน้ำมันหอมระเหยจากการนวดอโรม่าแล้ว หากใครที่ต้องการซื้อน้ำมันหอมระเหยติดห้องไว้เพื่อการนอนหลับสบาย หลับลึกและสนิทดีแล้ว มี 6 กลิ่นอโรม่าที่แนะนำ คือ 1. กลิ่นเลมอน 2. กลิ่นส้มยูซุ 3. กลิ่นมะกรูด 4. กลิ่นลาเวนเดอร์ 5. กลิ่นมะลิ 6. กลิ่นกระดังงา - นวดแบบไหนสบายสุด
การนวดอโรม่าจะเป็นการนวดนวดที่ใช้น้ำหนักกดเบาที่สุด เน้นการผ่อนคลายมากกว่าการรักษาอาการ จึงให้ความผ่อนคลายและรู้สึกสบายที่สุด และมีน้ำมันหอมระเหยเข้ามาช่วยให้การนวดลื่นไหลช่วยในการคลายเส้น คลายกล้ามเนื้อได้ดี และกลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สงบ เหมาะกับการพักผ่อน - ควรนวดครั้งละกี่ ชม.
ระยะเวลาการนวดอโรม่าที่พอดีนั้นคือ 1 ชม. ก็เพียงพอสำหรับการผ่อนคลายแต่ก็ขึ้นอยู่กับชอบของแต่ละคน เพราะเป็นการนวดที่ไม่ได้หนักมือจนเสี่ยงให้กล้ามเนื้อระบม
สรุปปิดท้าย
โดยสรุปแล้วการนวดอโรม่าก็คือการนวดเพื่อความผ่อนคลายโดยใช้น้ำมันหอมระเหยเป็นตัวช่วยหลัก เพื่อให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สงบ มีสมาธิ ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น ทั้งยังช่วยดูแลสุขภาพผิว และสุขภาพโดยรวม เหมาะกับผู้ที่ต้องการหากิจกรรมผ่อนคลาย คลายปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ออฟฟิศซินโดรม และเหมาะกับมือใหม่ที่กำลังเริ่มต้นมองหาร้านนวดเพื่อสุขภาพ หากมีความเข้าใจในข้อควรรู้ที่ถูกต้อง การเข้าร้านนวดสักร้านไม่ว่าจะ นวดอโรม่า นวดไทย นวดสวีดิช หรือการนวดใดๆเพื่อสุขภาพและการรักษาแล้ว ก็จะได้ประโยชน์สูงสุดและทำได้อย่างปลอดภัย