การนวดเป็นสิ่งที่หลายๆคนชื่นชอบเพราะช่วยให้ผ่อนคลายกายใจและมีประโยชน์อีกหลายอย่าง เหมาะกับทุกเพศทุกวัย แต่ก็ไม่ใช่คนทุกกลุ่มที่จะเหมาะกับการนวดได้ เพราะยังมีกลุ่มเสี่ยงที่ควรงดเว้นหรือระมัดระวังในการนวดอยู่ วันนี้เราจะมาแชร์ 13 โรคห้ามนวด ว่ามีโรคใดบ้าง และคนที่ไม่ได้เป็นโรคมีใครบ้างที่ควรงด
13 โรคห้ามนวด มีอะไรบ้าง?
หลักๆแล้วประโยชน์ของการนวดคือกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตซึ่งดีต่อคนทั่วไป แต่สำหรับกลุ่มเสี่ยงแล้ว โรคโดยส่วนมาก คุณประโยขน์นี้จะกลับกลายเป็นโทษ หรือเป็นปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงถึงชีวิตได้
1. โรคหัวใจ
ผู้ป่วยกลุ่มโรคหัวใจมีจะความเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการช็อค เสียชีวิตได้ หรืออาจส่งผลกระทบต่อการรักษา จึงไม่ควรนวด
2. โรคความดันโลหิตสูง
ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงหากเข้ารับการนวดจะทำให้ความดันขึ้นจนนำไปสู่เส้นเลือดในสมองแตกได้ รวมถึงคนที่ไม่ได้เป็นโรคแต่หากมีความดันสูงเกิน 160/100 มิลลิเมตรปรอท การนวดอาจทำให้ไข้ขึ้นได้
3. โรคเบาหวาน
คนที่เป็นโรคเบาหวานควรเลี่ยงการนวดเพราะมักมีภาวะปลายประสาทอักเสบ มีอาการชา ไม่มีความรู้สึก เสี่ยงเกิดการฟกช้ำโดยที่ไม่รู้ตัว และบางรายมีภาวะของลิ่มเลือดทำให้เสี่ยงลิ่มเลือดไปอุดตันปอดหรือสมองเสียชีวิตได้
4. โรคผิวหนัง
โรคผิวหนังก็เป็นอีกโรคที่ต้องเลี่ยงการนวดเพราะเสี่ยงให้เกิดการติดต่อแพร่เชื้อได้ เช่น อีสุกอีใส หัดเยอรมัน งูสวัด ควรรักษาให้หายจากโรคก่อนเข้ารับการนวดเพื่อความปลอดภัยของผู้นวดและผู้ถูกนวด
5. โรคติดต่อระยะแพร่เชื้อ
โรคติดต่อก็ไม่ควรเข้ารับการนวด เช่น วัณโรค โควิด-19 จะเป็นการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ เป็นอันตรายกับผู้อื่น ผู้นวดควรรักษาโรคให้หายก่อนการเข้ารับการนวด
6. โรคมะเร็งทุกชนิด
โรคมะเร็งไม่ควรรับการนวด เพราะจะทำให้เซลล์มะเร็งยิ่งลุกลามกระจายตัวไปได้เร็วยิ่งขึ้น สามารถกระจายเข้าไปในเลือดและน้ำเหลืองได้
7. โรคหลอดเลือดดำอักเสบ
โรคหลอดเลือดดำอักเสบเป็นภาวะที่เกิดลิ่มเลือดอุดตันอยู่ในหลอดเลือดดำ มักเป็นที่บริเวณขา การนวดจะทำให้ลิ่มเลือดนั้นหลุดปลิวไหลเวียนไปตามหลอดเลือดซึ่งมีโอกาสไปอุดตันที่ปอดหรือสมองมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
8. โรคหลอดเลือด
โรคหลอดเลือดคือกลุ่มโรคที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน มักจะรักษาด้วยการทานยาละลายลิ่มเลือดหรือไม่ก็ยาต้านเกล็ดเลือดทำให้เลือดออกง่ายและหยุดยาก จึงไม่ควรนวดเพราะการนวดแรงเสี่ยงทำให้เส้นเลือดฝอยแตก เสี่ยงทำให้เลือดออกภายในได้ เช่น ใต้ผิวหนัง ช็อคเสียชีวิตได้
9. โรคกระดูกพรุน
โรคกระดูกพรุนหรือคนที่กระดูกบาง ไม่แข็งแรง ต้องเลี่ยงการนวดเพราะกระดูกจะเปราะแตกหักง่าย ทำให้บาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะบริเวณต้นคอ สันหลัง รวมทั้งผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องข้อต่อหลวมด้วย
10. โรคติดเชื้อเฉียบพลัน
ผู้ป่วยโรคติดเชื้อเฉียบพลันร่างกายจะต่อสู้กับการติดเชื้อ เช่น ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา การนวดอาจทำให้การติดเชื้อแพร่กระจาย จะทำให้อาการหนักขึ้นได้
11. โรคฮีโมฟีเลีย
หรือก็คือโรคที่เลือดออกง่ายและหยุดยาก คือโรคที่ผู้ป่วยมีภาวะเลือดไม่แข็งตัว หากไปนวดอาจจะทำให้เลือดออกภายในร่างกายได้ เช่น ใต้ผิวหนัง กล้ามเนื้อ ทำให้เกิดอาการช็อคและถึงขั้นเสียชีวิตได้
12. โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
โรคนี้จะมีอาการปวดร้าวทำให้ผู้ป่วยอยากนวด แต่ควรเลี่ยงเพราะการนวดอาจจะทำให้กระดูกเคลื่อนทำให้ไปทับเส้นประสาททำให้เจ็บปวดหนักขึ้นกว่าเดิมได้
13. โรครูมาตอยด์
โรครูมาตอยด์คือโรคที่เกี่ยวกับการอักเสบเรื้อรังตามข้อในร่างกาย เจ็บตามข้อต่อ อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บมากขึ้น และอาการของโรคแย่ได้ หากต้องการนวดเพื่อบำบัดอาการควรอยู่ในการดูแลของแพทย์และนักกายภาพบำบัด
ใครบ้างที่ห้ามนวด
นอกจากกลุ่มคนที่มีโรคแล้ว ยังมีอีกกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยง จะมีใครบ้างที่ห้ามนวดหรือควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อน
- มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส
ผู้ที่มีไข้หรือการติดเชื้อ เช่น ไข้หวัด ควรหลีกเลี่ยงการนวดเพราะจะทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น อาจทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายในระบบต่างๆของร่างกายได้ - สตรีมีครรภ์และสตรีในขณะมีประจำเดือน
สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการนวดเพราะการนวดกดจุด นวดหลังหรือท้อง จะไปกระตุ้นให้มดลูกเกิดการบีบตัว เสี่ยงทำให้เกิดการแท้งหรือคลอดก่อนกำหนดได้ และสตรีในขณะมีประจำเดือน การกระตุ้นระบบไหลเวียนจะเสี่ยงทำให้เลือดออกเยอะ - ผู้ที่มีแผลฟกช้ำ
ผู้ที่มีแผลฟกช้ำหรือบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาควรรักษาตัว พักฟื้นให้หายดีก่อนจึงค่อยไปนวด เพราะอาจทำให้เกิดความเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม และการฟกช้ำอาจทำให้ลิ่มเลือดไปอุดตันในอวัยวะสำคัญเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้ - ผู้ที่เพิ่งได้รับการผ่าตัดมา
ผู้ที่เพิ่งได้รับการผ่าตัดมาไม่นานควรเลี่ยงการนวด เพราะอาจทำให้เกิดอาการแผลฉีกขาดจากการกดทับได้
นวดเวลาไหนดีที่สุด
เวลานวดที่ดีที่สุดอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละวัน ขึ้นอยู่กับความต้องการและความชอบส่วนบุคคล เช่น ตอนเข้า ก็จะช่วยเริ่มวันใหม่ด้วยความรู้สึกสดชื่น มีพลัง ลดการตึงของกล้ามเนื้อ กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต และช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นด้วย ตอนบ่าย ก็จะช่วยผ่อนคลายความเครียด ช่วยให้มีสมาธิและทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือ ตอนเย็น ก็เป็นการผ่อนคลายหลังจากผ่านวันอันยาวนาน ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น ลดความเจ็บปวด
สรุป
ดังนั้นผู้ที่กำลังพิจารณาการนวดจึงต้องรู้ก่อนว่าตัวเองเข้าข่ายห้ามนวดหรือไม่ทั้งกลุ่มคนที่สุ่มเสี่ยงและกลุ่มคน 13 โรคห้ามนวด หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง และต้องแจ้งกับร้านนวดถึงอาการหรือโรคที่เป็นทุกครั้งก่อนรับบริการ และทางร้านนวดตามมาตรฐานแล้วจะต้องมีการซักประวัติ สอบถามเรื่องโรคประจำตัวก่อนเสมอ