การนวดนั้นเป็นกิจกรรมยอดฮิตของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เพื่อช่วยให้ผ่อนคลายทั้งกายใจและยังช่วยรักษาปัญหาสุขภาพอีกหลายๆอย่าง แต่รู้ไหมว่าร่างกายเราก็มีจุดนวดเส้นอันตราย ที่อาจอันตรายถึงชีวิตอยู่ด้วย จึงควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่ได้รับการรับรองมาแล้วเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย ดังนั้น 5 จุดนวดอันตรายที่ควรรู้มีดังนี้
5 จุดนวดอันตรายมีจุดไหนบ้าง?
จุดที่ 1 บริเวณขมับ
กล้ามเนื้อตรงบริเวณหลุมศีรษะนั้นบาง กระดูกไม่ได้แข็งแรงมากนัก จึงควรหลีกเลี่ยงการกดนวดที่แรงเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บตามมา
จุดที่ 2 บริเวณคอ

เป็นบริเวณที่มีเส้นประสาทที่สำคัญและหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองอยู่ หากมีนวดไม่ถูกวิธีจะทำให้เกิดการบาดเจ็บที่เส้นประสาท หรือเกิดอันตรายต่อเส้นเลือดอาจทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ เกิดอาการหมดสติตามมา
จุดที่ 3 บริเวณรักแร้
เป็นบริเวณที่มีต่อมน้ำเหลืองและเส้นประสาทจำนวนมาก หากมีการกดนวดที่แรงเกินไปจะทำให้ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ และเกิดการบาดเจ็บที่เส้นประสาท
จุดที่ 4 บริเวณท้อง
ในช่องท้องจะมีอวัยวะภายในที่สำคัญหลายอย่าง หากนวดไม่ถูกวิธีจะเกิดการบาดเจ็บที่อวัยวะภายในได้ ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะหลอดเลือดแดงในช่องท้องโป่งพองควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจทำให้ถึงแก่ชีวิต ผู้หญิงมีประจำเดือนหรือมีครรภ์ก็ควรหลีกเลี่ยง
จุดที่ 5 บริเวณกระดูกสันหลัง และอุ้งเชิงกราน
เป็นโครงสร้างที่สำคัญของร่างกาย การนวดที่ไม่ระมัดระวัง อาจทำให้กระดูกเคลื่อนหรือเกิดจากแตกหัก เกิดการบาดเจ็บที่เส้นประสาทได้
วิธีนวดที่ถูกต้องและปลอดภัย
การนวดที่ถูกต้องจะสามารถช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายความเครียดได้และคลายกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เกิดประโยชน์สูงสุด วิธีการนวดที่ถูกต้องมีดังนี้
- ใช้น้ำหนักมือที่เหมาะสม ค่อยๆเพิ่มน้ำหนักมือทีละน้อย สังเกตุผู้ถูกนวดหากมีอาการเจ็บควรลดแรงกดลง
- การคลึง ควรใช้นิ้วมือ 3-4 นิ้วหรือฝ่ามือคลึงกล้ามเนื้อเป็นวงกลม ลดอาการตึง
- การกดจุด เริ่มจากการสัมผัสแล้วค่อยๆลงน้ำหนักทีละน้อย และค่อยๆคลายแรงออกทีละน้อย
- การกด แต่ละครั้งควรทำประมาณ 5 วินาที ใช้เวลาปล่อยนานกว่าเวลากด แต่ละบริเวณนวดควรทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
นวดบ่อยอันตรายไหม?
การนวดบ่อยไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายถ้าหมอนวดเข้าใจเส้นกล้ามเนื้อ มีความชำนาญ นวดได้อย่างตรงจุด และความถี่ในการนวดที่เหมาะสมนั้นก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สุขภาพ, เป้าหมายการนวด เช่น เพื่อผ่อนคลายทั่วไป เพื่อรักษาอาการปวดเฉพาะจุด เพื่อการฟื้นฟูสุขภาพ เหล่านี้ควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
นอกเหนือจาก 5 จุดนวดอันตราย ที่ควรระวัง

ยังมีจุดที่ควรระมัดระวังอีกจุดคือ จุดกดเจ็บ (Trigger Point) คือการเป็นออฟฟิศซินโดรมมานาน กล้ามเนื้อหดเกร็งมานานจนขมวดเป็นปมก้อนที่เรียกว่า Trigger Point ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ทำให้มีอาการปวดเมื่อย ตึงบริเวณนั้น หากปล่อยไว้นานจะเริ่มมีพังผืดมาเกาะทับหนาขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้ออักเสบ
หากพังผืดลุกลามไปเบียดเส้นประสาทรอบข้างทำให้ปวดลามขึ้น กดจุดเจ็บแล้วปวดลามไปบริเวณอื่นเช่น ศีรษะ หู กระบอกตา แขน หน้าอก และสุดท้ายพังผืดอาจลุกลามไปดึงรั้งกระดูกให้เคลื่อนผิดรูปไปทับเส้นประสาท กลายเป็นภาวะกระดูกทับเส้นประสาท ส่งผลให้เกิดอาการปวดร้าว ปวดชาได้
ทำให้ จุดกดเจ็บ นั้นแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนั้นการนวดตรงจุดกดเจ็บเพื่อให้เลือดเข้าไปเลี้ยง แล้วเกิดการสลาย และกล้ามเนื้อคลายตัวไปในที่สุดนั้น มีวิธีการนวดด้วยตัวเองอย่างไรในแต่ละระยะ ดังนี้
1. Acute Trigger Point (จุดปวดเฉียบพลัน) มีอาการปวดไม่เกิน 2 เดือน
คือเกิดอาการเฉียบพลัน เช่น ยกของผิดท่า เส้นพลิก ข้อเท้าพลิก หากเพิ่งมีอาการไม่ถึง 24 ชม. อย่าพยายามนวดหรือกดแรงๆเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อยิ่งอักเสบมากขึ้น
2. Subacute Trigger Point (จุดปวดรองเฉียบพลัน) มีอาการปวดมากกว่า 2 เดือน แต่ไม่เกิน 6 เดือน
หากเลยระยะเวลาอักเสบ ปวด ร้อน แดง แล้ว สามารถประคบร้อน ยืดกล้ามเนื้อ ร่วมกับนวดบริเวณจุดกดเจ็บเพื่อให้เลือดหมุนเวียนและลดการคั่งค้างของเสีย
3. Chronic Trigger Point (จุดปวดเรื้อรัง) มีอาการปวดมากกว่า 6 เดือน
คือเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อมัดนั้นซ้ำๆ เช่น ท่าทางการนั่งผิดวิธี ใช้มือหมุนเครื่องจักร เขียนหนังสือ นั่งพิมพ์งาน การนวดนั้นทำเหมือนกับระยะที่ 2 แต่ให้สังเกตตัวเองด้วยว่าอาการปวดอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น ข้อไหล่อักเสบ ก็ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณรอบๆเกิดการหดเกร็งได้ ทำให้เกิดการปวดกล้ามเนื้อขึ้น
หรือ ภาวะวิตกกังวล เครียด ท้อแท้ ซึมเศร้า หรือการขาดวิตามินบางอย่างที่เป็นสาเหตุของอาการเพลีย ชา นั้นก็ทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรังได้ ก็ให้รักษาที่ตัวสาเหตุจริงๆ แต่ทั้งนี้ก็ต้องอยู่ในการดูแลของผู้เชี่ยวชาญ เช่น แพทย์ นักกายภาพบำบัด แพทย์แผนไทย เป็นต้น
สรุป
การนวดนั้นให้ประโยชน์ได้มากมาย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสิ่งที่ควรระวัง หากเราต้องการนวดเบื้องต้นด้วยตัวเอง การรู้ 5 จุดนวดอันตรายก็จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงอันตรายต่อสุขภาพได้ และวิธีนวดที่ถูกต้องก็จะช่วยให้เราทำได้อย่างปลอดภัย ได้ประโยชน์สูงสุด
และไม่จำเป็นต้องนวดแบบเจ็บๆเสมอไปเพื่อที่จะหายจากอาการปวด เพราะการแพทย์แผนไทยหรือนักกายภาพบำบัดจะมีการปรับการลงน้ำหนักในจุดต่างๆตามความเหมาะสมในแต่ละผู้ป่วย ช่วยลดอาการเจ็บ ระบมหลังจากนวดได้